จุดกำเนิด
FolkCharm เป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ร่วมมือกับเกษตรกรผู้ปลูกฝ้ายธรรมชาติ ชุมชนช่างฝีมือ และกลุ่มสตรีท้องถิ่น เพื่อรังสรรค์เสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานวิถีชีวิตร่วมสมัยกับภูมิปัญญาดั้งเดิมอย่างลงตัว ผลิตภัณฑ์ของเรามีความโดดเด่นด้วยเส้นเข็นด้ายด้วยมือ กระบวนการทอมือ และเทคนิคการย้อมสีธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ในท้องถิ่น ฝ้ายที่ใช้เป็นฝ้ายอินทรีย์และปราศจากสารเคมี 100% ที่หาได้ในประเทศ ซึ่งมีคุณสมบัติอ่อนโยนต่อผิวและให้ความสบายอย่างเป็นธรรมชาติ รายได้ 50% จากการขายของเราถูกส่งกลับไปยังผู้ผลิตโดยตรง นอกจากนี้ เรายังนำเศษผ้ามารีไซเคิลเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ และบรรจุภัณฑ์ของเราถึง 90% ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ปัจจุบันเราทำงานร่วมกับผู้หญิงที่ทำงานที่บ้านประมาณ 40 คน ซึ่งรวมถึงเกษตรกรผู้ปลูกฝ้าย ผู้ปั่นเส้นด้าย และช่างทอในจังหวัดเลย รวมถึงช่างตัดเย็บ และช่างฝีมือที่ทำงานจากที่บ้านในเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จากเดิมที่มีเพียงช่างทอ 5 คน และช่างตัดเย็บ 2 คนในปี 2557 ร่วมกับผู้หญิงที่มีแรงบันดาลใจเหล่านี้ เราได้สร้างสรรค์ผลงานที่มีเอกลักษณ์ ประณีตจากวัสดุออร์แกนิกและธรรมชาติ ผ่านผลิตภัณฑ์ของเรา เรามีความหวังที่จะเพิ่มการตระหนักรู้เกี่ยวกับงานหัตถกรรมดั้งเดิม แฟชั่นที่ประณีต Slow Fashionและยั่งยืน การขยายกลุ่มของผู้บริโภคที่ใส่ใจ และการชื่นชมในงานฝีมือดั้งเดิม
Folkcharm ก่อตั้งโดยภัสสร์วี ตาปสนันทน์ โคะดากะ ผู้ปฏิบัติงานด้านการพัฒนามากว่าเจ็ดปี โดยมีความหลงใหลในเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์และการส่งเสริมงานหัตถกรรมดั้งเดิม
ปรัชญาและแรงบันดาลใจ
จริยธรรม • การเคารพในงานฝีมือ: ผลิตภัณฑ์ของเราถูกสร้างสรรค์โดยชุมชนในชนบทที่เราทำงานร่วมกับพวกเขาภายใต้โครงสร้างต้นทุนที่โปร่งใสและยุติธรรม เป็นการแลกเปลี่ยนที่ช่างฝีมือของเราได้รับค่าตอบแทนจากทักษะและเทคนิคของพวกเขา แทนที่จะตกลงรับค่าตอบแทนจาก ‘จำนวนที่สามารถขายได้’ ซึ่งมักนำไปสู่การขาดทุน
ค่านิยมหลักสามประการของงานของเราคือ:
- ความยุติธรรม: การได้รับผลตอบแทนทางการเงินที่ยุติธรรมสำหรับการดำรงชีวิต, ยุติธรรมต่อสิ่งแวดล้อม และยุติธรรมต่อสุขภาพของพวกเขา
- ผลประโยชน์ร่วมกัน: การทำให้ทุกคนเข้าใจรูปแบบธุรกิจของเรา ว่าเราไม่ได้เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร และการเน้นย้ำว่าคุณภาพผลงานของพวกเขาจะมีผลโดยตรงต่อความยั่งยืนของธุรกิจ ซึ่งสามารถนำไปสู่การมีรายได้ที่ยั่งยืนของพวกเขา
- โอกาส: การให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ผ่านการจัดหาเครื่องมือและวัสดุในการทำงาน) สำหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนในการเริ่มต้นธุรกิจ, การสนับสนุนด้านการพัฒนาทักษะ ฝีมือ ความสามารถและพัฒนาการออกแบบ, การเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเข้าถึงตลาด และการเติบโตไปด้วยกันผ่านการลองผิดลองถูก
ท้องถิ่น • การยกย่องเทคนิคการทอผ้าที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนตลอดหลายร้อยปี, การเคารพวิถีชีวิตในชนบท, การตีความเวลา และวิถีชีวิตทางการเกษตร
ธรรมชาติ • เรามุ่งมั่นใส่ใจสิ่งแวดล้อมทั้งในพื้นที่เกษตรกรรมและสภาพแวดล้อมในเมือง โดยพยายามเลือกใช้วัสดุธรรมชาติที่ปราศจากสารเคมีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และการใช้วัสดุสังเคราะห์ให้น้อยที่สุด ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อธรรมชาติ. ที่สำคัญที่สุด ผลิตภัณฑ์ของเราทำจากผ้าฝ้ายธรรมชาติ 100% จากท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ให้ความนุ่มนวล ปราศจากสารเคมี แต่ยังมอบความสบายในการสวมใส่ ซักง่าย แห้งเร็ว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเสื้อผ้าและสิ่งของที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน
ออกแบบอย่างมีความหมาย
ความเรียบง่าย :เรามุ่งเน้นการออกแบบที่ "เรียบง่าย" แต่เต็มไปด้วยฟังก์ชันการใช้งาน แนวคิดของเราคือการนำวิถีชีวิตการใช้ผลิตภัณฑ์จากฝ้ายที่สืบทอดกันมาหลายรุ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของเรา เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งการหาความสมดุลระหว่างชีวิตสมัยใหม่และเทคนิคการผลิตฝ้ายและการทอผ้าตามวิถีดั้งเดิมของท้องถิ่น
คุณภาพ :การรับประกันคุณภาพในทุกกระบวนการเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของเรา ซึ่งหมายความว่าเราจะใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การปลูกฝ้ายธรรมชาติ การแยกฝ้าย การทอ การตัดเย็บ และการตกแต่ง เรายังใช้ผ้าฝ้ายมุสลินคุณภาพสูงและผ้าฝ้ายธรรมชาติ 100% ที่ไม่ผ่านการฟอกขาว, กระดุมไม้, และชิ้นส่วนโลหะคุณภาพระดับพรีเมียมในผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ของเรา
“การสร้างขยะน้อยที่สุด!” เรามั่นใจว่าผ้าชิ้นเล็กๆ ที่เหลือจากการตัดเย็บจะถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เราจึงนำเทคนิคงานหัตถกรรมสมัยใหม่ เช่น การเย็บปัก, การทำแพตช์เวิร์ก, และการเย็บมือ มาใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน
ใส่ใจธรรมชาติ
ตั้งแต่เริ่มต้น การใช้ทรัพยากรหมุนเวียนเป็นหัวใจสำคัญในการทำงานของเรา ตั้งแต่การเกษตร การผลิต ไปจนถึงการออกแบบ และเมื่อเราเติบโตขึ้นการใช้ทรัพยากรก็มากขึ้น จึงทำให้เกิดขยะจำนวนมากตามมา ซึ่งชิ้นส่วนที่เหลือจากการตัดเย็บได้ถูกนำมาออกแบบตัดเย็บเป็นกระเป๋าและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แต่ก็ยังคงหลงเหลือเศษผ้าชิ้นเล็ก ๆ อยู่ ดังนั้นในช่วงปลายปี 2022 เราจึงเริ่มทดลองร่วมกับ SC GRAND ในการหาความเป็นไปได้ในการนำเศษผ้าที่เหลือมาปั่นเป็นเส้นด้ายอีกครั้ง และในตอนนี้เศษผ้ากว่า 200 กิโลกรัมที่ควรกลายเป็นขยะก็ได้ถูกแปรสภาพเป็นเสื้อผ้าตัวใหม่ของเรา! ซึ่งเรามีผลิตภัณฑ์ที่เป็น 'Close-loop’ ซึ่งมีเนื้อผ้าที่บางเบาและใส่สบาย
จากปุยฝ้ายสู่ผืนผ้า
ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าและไลฟ์สไตล์ของ Folkcharm ไม่เพียงแค่ดีและยุติธรรมต่อเกษตรกร ช่างทอ ผู้ผลิต และสิ่งแวดล้อม แต่ที่สำคัญที่สุดคือดีต่อผู้ใช้ ผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณความโดดเด่นคือ เส้นด้ายเข็นมือที่ทำจากฝ้ายธรรมชาติ 100% ปราศจากสารเคมี, การทอผ้าแบบดั้งเดิมด้วยเครื่องทอมือ และการตัดเย็บที่ประณีตเพื่อความอ่อนโยนต่อผิวหนังและความสบายในการสวมใส่
เส้นด้ายของเราทำจากฝ้ายพันธุ์ท้องถิ่น ธรรมชาติ 100% ปราศจากสารเคมี ขณะเดียวกันเรายังคงใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมในการผลิตเส้นด้ายด้วยการเข็นมือ และการทอด้วยมือ เราใช้เส้นด้ายจาก Grennet ที่ได้รับการรับรองเกษตรอินทรีย์และการค้าสมาคม มาเป็นเส้นทแยงเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับเนื้อผ้า ส่วนเส้นพุ่งใช้เส้นด้ายที่ทำจากฝ้ายธรรมชาติที่ปลูกในท้องถิ่นและทำด้วยมือ ซึ่งให้เนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์และมีความนุ่มนวล. สำหรับการสร้างลวดลาย เราใช้สีจากพืชในท้องถิ่น เช่น สีครามจากใบครามและเบือก, เมล็ดมะเกลือ, หมาก, คำแสด, เปลือกไม้ และใบไม้ของต้นไม้ต่างๆ
ที่กรุงเทพฯ เราส่งเสริมช่างตัดเย็บ และช่างฝีมือจากบ้านที่มีทักษะ ความชำนาญ และความสนใจที่หลากหลาย เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่ตรงตามมาตรฐานของ Folkcharm โดยการให้รายได้ที่คุ้มค่า การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และความยืดหยุ่นในการทำงาน ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นการออกแบบร่วมกันกับทีมงานและเป็นกระบวนการปรึกษา ปรับปรุง พัฒนาร่วมกันจนกว่าจะได้การออกแบบและวิธีการที่ทั้งเราทั้งผู้ผลิตพึงพอใจ
ฝ้ายธรรมชาติ ปลูกในท้องถิ่น
เติบโตโดยน้ำฝน 100 %
ใช้สีย้อมธรรมชาติจากพืชท้องถิ่น
ปราศจากสารเคมี
ผ่านกระบวนการทำมือ
และความประณีตจากฝีมือชาวบ้าน
ช่างฝีมือ
ตั้งแต่เริ่มต้นเราเป็นเพียงโครงการเล็ก ๆ ที่มุ่งมั่นในการสร้างความร่วมมือกับผู้หญิงที่ทำงานจากที่บ้านอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ชนบทหรือในเมืองของประเทศไทย โดยเริ่มจากการทำงานกับช่างทอผ้า 4 คนในจังหวัดเลย และช่างตัดเสื้อ 2 คนในกรุงเทพฯ ปัจจุบันเราได้ขยายการทำงานไปยังผู้หญิงเกือบ 50 คนในสองจังหวัดนี้ โดย Folkcharm ทำงานร่วมกับช่างฝีมือท้องถิ่นในฐานะพันธมิตรในการร่วมกันสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม ภายใต้จริยธรรมการทำงานที่โปร่งใส
ในกรุงเทพฯ เราได้ร่วมงานกับช่างตัดเสื้อทั้งหมด 5 คน รับผิดชอบในการผลิตเสื้อผ้าของเรา และร่วมมือกับอาจารย์ปัน จากศูนย์ฝึกอาชีพบางกะปิ โดยทำงานร่วมกับนักเรียนที่ดีที่สุด 6 คนของเธอในการออกแบบกระเป๋า และเครื่องประดับจากการอัพไซเคิลเศษผ้าที่เกิดจากตัดเสื้อของเรา
กลุ่มทอผ้าฝ้ายธรรมชาติ ลำน้ำฮวย
เริ่มต้นจากช่างทอผ้า 4 คนในหมู่บ้านกกบก "กลุ่มทอผ้าลำน้ำฮวย" ปัจจุบันได้ขยายไปยังชุมชนทอผ้ารอบ ๆ หมู่บ้านนาหนองบง, น้ำจันทร์ และแก่งหิน รวมถึงช่างทอผ้ากว่า 30 คน
หมู่บ้านกกบกมีประวัติที่ยาวนานในการปลูกฝ้ายและทอผ้าด้วยมือจากฝ้ายธรรมชาติ โดยได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและการพัฒนาการเกษตร จังหวัดเลย ในการก่อตั้งหมู่บ้านทอผ้ากกบกเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งกลุ่มนี้ได้ขยายจนมีช่างทอผ้ามากกว่า 20 คน ด้วยการพัฒนาและการตั้งมาตรฐานที่เข้มงวด ทำให้กลุ่มทอผ้าลำน้ำฮวยสามารถรักษามาตรฐานของคุณภาพการทอได้อย่างต่อเนื่อง
หมู่บ้านกกบก
หมู่บ้านนาหนองบง
หมู่บ้านน้ำจันทร์
วิสาหกิจชุมชนขุนเลย
วิสาหกิจชุมชนขุนเลย ตั้งอยู่ในอำเภอภูหลวง จังหวัดเลย ซึ่งพัฒนามาจากกลุ่มออมทรัพย์ของหมู่บ้าน และขยายงานไปสู่การผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปต่าง ๆ เช่น น้ำผลไม้จากมะขามเปียก กล้วยตาก และสมุนไพรตากแห้ง ในปี 2016 สมาชิกกลุ่มเริ่มทำการปลูกฝ้ายออร์แกนิค เมื่อฝ้ายเริ่มให้ผลผลิตในปี 2017 สมาชิกกลุ่มก็เริ่มการเข็นฝ้ายด้วยมือเพื่อเป็นวัสดุให้กับช่างทอผ้าใหม่ ๆ ที่เริ่มกลับมาทอผ้าหลังจากที่ห่างหายไปหลายสิบปี รวมถึงกลุ่มทอผ้าพันธมิตรของเราในอำเภอวังสะพุง เนื่องจากการปลูกฝ้ายและการเข็นฝ้ายด้วยมือได้หายไปกว่า 10 ปี ซึ่งคนรุ่นหลานของชุมชนแทบจะไม่เคยเห็นเครื่องมือเข็นฝ้ายมาก่อน และบางคนไม่เคยเห็นดอกฝ้ายด้วยซ้ำ การเข็นฝ้ายด้วยมือนี้กลายเป็นกิจกรรมที่สร้างรายได้เสริมสำหรับคุณยายที่ไม่สามารถทำงานหนักได้
ช่างตัดเย็บ และช่างฝีมือในกรุงเทพฯ
การตัดเสื้อแบบสั่งทำไม่เป็นที่นิยมเหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เพราะถูกแทนที่ด้วยการผลิตจำนวนมากและแฟชั่นที่ไหลไปตามกระแส ซึ่งทำให้เราหาช่างเย็บผ้าที่มีทักษะสูงได้ยากขึ้น แล้วในตอนนี้เราได้ร่วมงานกับช่างตัดเย็บท้องถิ่นที่ผู้ก่อตั้งของเรารู้จักพวกเขามาตั้งแต่สมัยเด็ก เพื่อสร้างเสื้อผ้าที่มีคุณภาพสูงแบบคลาสสิก และผ้าที่เหลือจากการตัดเสื้อจะถูกนำไปใช้โดยช่างฝีมือที่ผ่านการฝึกอบรมจากศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อสร้างสรรค์เป็นงานฝีมือที่มีคุณภาพ
เยี่ยมชม•อุดหนุน•เรียนรู้
สตูดิโอ Folkcharm ในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่สร้างสรรค์และจัดแสดงผลงานของเรา การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของบ้านชนบทที่เรียบง่าย กระท่อมไม้ เฟอร์นิเจอร์ และชั้นวางทำจากไม้และวัสดุก่อสร้างที่นำมาใช้ซ้ำ นอกจากนี้เรายังจัดเวิร์กช็อปการย้อมสีธรรมชาติและกิจกรรมต่าง ๆ ที่นี่อีกด้วย สตูดิโอของเราตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสวนสนซอย 10 ถนนรามคำแหง หากคุณอยู่ในกรุงเทพฯ และต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางการทำผ้าฝ้ายทอมือของเรา สามารถแวะเข้ามาเยี่ยมชมได้
เปิดทำการวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 10.30 - 17.00 น. (ยกเว้นวันหยุด) กรุณาอีเมลมาที่ hello@folkcharm.com เพื่อนัดหมายวันและเวลาล่วงหน้า เนื่องจากบางครั้งเรามีกิจกรรมนอกสถานที่
สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ สามารถนัดหมายล่วงหน้าได้
Click here to our location.
อุดหนุนเรา
สามารถเยี่ยมชมผลงานและเลือกซื้อสินค้าของเราผ่านทางเว็บไซต์ของเราได้ที่นี่ คลิกที่นี่
เรียนรู้กับเรา
เรียนรู้และสร้างสรรค์ไปพร้อมกันที่ Folkcharm
หากสนใจเข้าชมสตูดิโอและร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปที่สตูดิโอ Folkcharm เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางการทำธุรกิจของเรา การทอผ้าและการสีจากธรรมชาติ สามารถติดต่อเข้ามาได้ผ่านช่องทางติดต่อ เรามีเวิร์คช็อปที่ตอบโจทย์ทุกความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ คุณจะได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และสนุกไปกับการสร้างสรรค์
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม หรือสอบถามเกี่ยวกับการเข้าร่วมกิจกรรม คุณสามารถติดต่อเราได้ที่ hello@folkcharm.com
มาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์และเรียนรู้ที่ Folkcharm กันเถอะ!
ยินดีต้อนรับน้อง ๆ โรงเรียน Nan Hua จากประเทศสิงคโปร์ เข้าเยี่ยมชมสตูดิโอและลงมือทำงานฝีมือกับเรา
9 พฤศจิกายน 2567
เราได้ต้อนรับน้อง ๆ มัธยมและคุณครูโรงเรียน Nanhua School จากสิงคโปร์กว่า 30 คน เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปที่สนุกสนานและเต็มไปด้วยความรู้ตลอด 3 ชั่วโมง ที่ Folkcharm Studio โดยกิจกรรมในวันนี้มุ่งเน้นการเรียนรู้เกี่ยวกับแฟชั่นรักษ์โลก การทอผ้าและการย้อมผ้าด้วยธรรมชาติ พร้อมทั้งได้สัมผัสประสบการณ์ผ้าทอธรรมชาติวิถีชุมชนจากเรา
เรียนรู้เรื่องราวของ Folkcharm
เริ่มต้นกันที่การเล่าถึงที่มาของ Folkcharm ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีความตั้งใจในการสร้างผ้าทอที่มีคุณค่าจากการร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นจังหวัดเลยของไทย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เข้าใจถึงกระบวนการและความสำคัญของการทำงานที่สร้างสรรค์และยั่งยืนร่วมกับชุมชนของเรา หลังจากเล่าเล่าแล้วเด็ก ๆ หลายคนก็มีคำถามซีเรียสหลายคำถาม ทั้งเรื่องแรงบันดาลใจ การตั้งราคา การทำการตลาด ความเข้าใจของผู้บริโภคในเมืองไทยเกี่ยวกับสินค้าใส่ใจสิ่งแวดล้อม การวางแผนในอนาคตของเรา และอีกมากมายที่น่าสนใจค่ะ
ทอผ้าด้วยกี่ทอผ้าจิ๋ว
หลังจากหารือกันได้เกือบชั่วโมง เด็ก ๆ ก็ได้เริ่มลองทอผ้าด้วยกี่ทอผ้าขนาดเล็ก ซึ่งเราได้พี่ ๆ จาก 141Crafts มาช่วยให้ความรู้และสอนวิธีการทอผ้าด้วยกี่จิ๋ว ทำให้น้อง ๆ ได้เรียนรู้ขั้นตอนเบื้องต้นในการทอผ้าและเข้าใจถึงความทุ่มเทที่ต้องใช้ในการสร้างสรรค์ผ้าทอแต่ละผืน ซึ่งทุกคนตั้งใจเรียนรู้และมีความสุขกับผลงานของตัวเองมาก ๆ
กิจกรรมย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ทุกคนจะได้ลองทำคือการย้อมผ้าด้วยคราม ซึ่งบรรยากาศสนุกสนานและเลอะกันนิดหน่อยเพราะต้องการชุบ การซักผ้าและสามารถสร้างสรรค์ลวดลายได้ตามความชอบ โดยมีพี่แก้วของเราให้ความรู้และสาธิตวิธีการอย่างใกล้ชิด
ประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสนุกและการเรียนรู้
ตลอดกิจกรรม ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งการฟังการบรรยายและการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทุกคนตั้งใจและมีความสนุกในการเรียนรู้ พร้อมทั้งนำประสบการณ์ใหม่ ๆ กลับบ้านไป ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับการทอผ้า การย้อมผ้าด้วยธรรมชาติ หรือผลงานที่สร้างสรรค์ด้วยมือของตัวเอง
เดินทางไปไร่ฝ้ายกันเถอะ
ทัวร์ระยะสั้น 3 วันนี้ เหมาะสำหรับการพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์จากชีวิตในเมือง หรือสำหรับนักเดินทางที่มีเวลาจำกัดแต่ต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการสัมผัสเสน่ห์ของประเทศไทย
เรียนรู้การทอผ้าฝ้ายตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน สัมผัสประสบการณ์ตั้งแต่กระบวนการปลูกฝ้ายจนกลายเป็นผืนผ้า โดยคุณจะได้เยี่ยมชมผู้ผลิตของ Folkcharm ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปกว่า
600 กิโลเมตร และได้ลงมือทำกระบวนการทั้งหมดด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการปลูกฝ้ายแบบธรรมชาติที่ปลอดสารเคมี การทอผ้า และการย้อมสีจากพืชธรรมชาติ
คุณจะได้ลิ้มลองรสชาติอาหารท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ปรุงจากสมุนไพรออร์แกนิกในท้องถิ่น 100% พร้อมด้วยไข่ ไก่ และปลาที่เลี้ยงเอง (เรามีอาหารมังสวิรัติสำหรับผู้ที่ต้องการค่ะ) สัมผัสวิถีชีวิตชาวไร่ เดินทางด้วยรถอีแต๊กไปชมวิวทะเลภูเขาของจังหวัดเลยจากยอดเขา และใช้เวลายามค่ำคืนบนภูเขาเพื่อชมดาว ในช่วงเวลาของทริปนี้ อุณหภูมิบนที่ภูหลวงเย็นสบายกำลังดี อยู่ระหว่าง 15~25 องศาเซลเซียส
อีกหนึ่งตัวเลือกคือการเพิ่มเวลาเพิ่มอีกหนึ่งวัน ซึ่งคุณจะได้รับโอกาสพิเศษในการเยี่ยมชมช่างฝีมือระดับปรมาจารย์สองท่าน เพื่อเรียนรู้เชิงลึกเกี่ยวกับงานหัตถศิลป์ท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด
สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เชิงลึก ยังมีตัวเลือกในการพักอาศัยอยู่กับชาวบ้านในระยะยาว เพื่อเรียนรู้กระบวนการทำผ้าฝ้าย เทคนิคการทอผ้าไทยหลากหลายรูปแบบ และการย้อมสีธรรมชาติอย่างละเอียด อีกหนึ่งงานหัตถกรรมท้องถิ่นที่ไม่ควรพลาดคือ "การสานไม้ไผ่" ซึ่งเป็นศิลปะพื้นบ้านที่ยังมีชีวิตในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยผู้หญิงในภูมิภาคนี้จะเรียนรู้การทอผ้าฝ้ายตั้งแต่วัยเด็ก ในขณะที่ผู้ชายจะได้รับการสอนศิลปะการสานไม้ไผ่เพื่อนำไปใช้ทำเครื่องมือ ของใช้ในบ้าน และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน
FARM TO FABRIC
· เรียนรู้กระบวนการและทดลองด้วยตัวเองในการทำผ้าฝ้ายที่ปลูกในชุมชนโดยไม่ใช้น้ำและสารเคมี ตั้งแต่การปั่นปุยฝ้ายเป็นเส้นฝ้ายและนำมาทอ ทุกๆขั้นตอนเป็นกระบวนการทำมือด้วยภูมิปัญญาดั้งเดิม ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ
· พูดคุยทำความรู้จักเหล่าแม่ๆช่างทอผ้าที่ปลูกและย้อมฝ้ายเอง เพื่อเข้าใจวิถีชีวิตพื้นถิ่น ลองทอผ้าบนกี่ทอผ้าหลังใหญ่ ฝึก “เข็นฝ้าย” หรือปั่นฝ้ายจากปุยฝ้ายให้เป็นเส้นด้าย เพื่อนำมาทอผ้าของตนเอง และทานอาหารพื้นถิ่นจากวัตถุดิบอินทรีย์ฝีมือแม่ๆที่หาทานที่อื่นไม่ได้แน่ๆ
· เรียนย้อมเส้นฝ้ายด้วยสีธรรมชาติจากพืชท้องถิ่น ที่ช่างย้อมฝีมือระดับครู จะมาเล่าเรื่องพืชแต่ละชนิดกับความหลากหลายทางชีวภาพให้เราฟังอย่างใกล้ชิด
FAIR FASHION
· เรียนรู้แนวคิดธุรกิจแฟชั่นเพื่อสังคม และการทำงานกับชุมชนอย่างมีส่วนร่วม จากประสบการณ์ของผู้ก่อตั้งแบรนด์ Folkcharm
· เข้าใจสายใยการผลิตเสื้อผ้าที่เอื้อกับวิถีชีวิตที่ไม่เร่งรีบ และให้ความสำคัญกับคุณภาพ, ฝีมือ, เวลา ตามสไตล์เฉพาะตัวของแม่ๆแต่ละคน
· เรียนรู้หลักการของ Fair Trade และการให้คุณค่าผ่านการตั้งราคาที่ตกลงร่วมกับชุมชนอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
MINDFUL LIVING
· เข้าใจสถานการณ์วิกฤติสิ่งแวดล้อมและผลกระทบ และร่วมสร้างสรรค์ทางเลือกการใช้ชีวิตและการบริโภคที่ยั่งยืนจากชุมชนสู่คนเมือง
· กินข้าวห่อใบตอง สัมผัสธรรมชาติ ฟื้นฟูกายใจ แล้วมาแลกเปลี่ยนวิธีใหม่ๆในการปรับชีวิตปัจจุบันให้ connect กับธรรมชาติมากขึ้น
· แลกเปลี่ยนเชิงลึกกับกำนันแสวง ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำชุมชนด้านเกษตรกรรมธรรมชาติ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนขุนเลย ในการใช้ชิวิตร่วมกับธรรมชาติบนเทือกเขาภูหลวง และผลกระทบของการพัฒนาแบบไม่ยั่งยืนต่อระบบนิเวศ
· เรียนรู้จากแม่รสและเหล่าฮีโร่ผู้หญิงบ้านนาหนองบง ที่ใช้การทอผ้าเป็นเครื่องมือเพื่อต่อสู้กับอำนาจและรักษาป่าชุมชน
ช่างทอระดับครู ณ กกบก
เรียนรู้กระบวนการทอผ้าจากปุยฝ้ายสู่ผืนผ้าอย่างละเอียดจากช่างทอ Master Artisans ผู้อยู่เบื้องหลังผืนผ้าชิ้นที่สวยที่สุดของเราที่มีประสบการณ์ทอผ้าฝ้ายเข็นมือย้อมสีธรรมชาติมากว่า 40 ปี จะได้พบกับแม่เปลี่ยน ยายจ๊อก แม่อ้อม ยายโจ ยายถวิล ยายจำลอง และยายสั้น
พ่ออ๊อต ตองหว้าน
ประธานกลุ่มทอผ้าลุ่มน้ำฮวย ผู้มีประสบการณ์การบริหารกลุ่มแม่บ้านและกิจกรรมชุมชนมากว่ายี่สิบปี เป็นผู้รวมเครือข่ายแม่บ้านทอผ้าใน 3 หมู่บ้าน ที่ปัจจุบันทำงานร่วมกับโฟล์คชาร์ม
ระนอง กองแสน (แม่โรส)
ผู้นำแม่หญิงบ้านนาหนองบงที่ลุกขึ้นสู้กับเหมืองทองจนชนะคดี แม่รสจะมาเล่าประสบการณ์การต่อสู้กว่า 10 ปี กับอำนาจท้องถิ่น ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาของระบบอุปถัมป์ ที่ทำให้ชุมชนขัดแย้งและต้องใช้ชีวิตอยู่กับสารพิษ อ่านเรื่องราวของแม่โรสต่อได้ที่ Radical Grandma Collective
แสวง ดาปะ (พ่อมิ๊นต์)
ผู้นำชุมชน เกษตรกรอินทรีย์ ประธานกลุ่มออมทรัพย์ฯ อดีตกำนัน และผู้ร่วมก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนขุนเลย กำนันแสวงจะเล่าถึงวิถีไทเลย วิถีคนป่าที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ตำนาน ความเชื่อ การเกษตรอินทรีย์ การเดินตามรอยพ่อหลวง การสร้างกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของจ.เลย ฟังเรื่องราวของกำนันแสวง ได้ที่นี่
ศิริญญา ทองแบบ (เจ๊ยอ)
สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนขุนเลย นักทดลองและผู้เชี่ยวชาญด้านสีสันพรรณไม้ในชุมชน รักการย้อมสีโดยสืบประวัติพืชให้สีไปถึงรุ่นผู้เฒ่า แม้ในหมู่บ้านไม่มีการย้อมสีธรรมชาติมานานแล้ว เจ๊ยอเป็นผู้คิดค้น “ผ้าลายน้ำเลย” ที่ปัจจุบันเลื่องชื่อระดับประเทศ
ภัสสร์วี โคะดากะ (ลูกแก้ว)
ลูกแก้ว จะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานร่วมกับชุมชนในรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคมอย่างลงลึก และชวนถกในหัวข้อปัญหาจากอุตสาหกรรมแฟชั่นต่อสังคม ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด
ลูกแก้วเริ่มสร้างแบรนด์โฟล์คชาร์มในปี 2014 ในรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคม และปัจจุบันเป็นผู้ประสานงาน(ร่วม) Fashion Revolution Thailand
>>สามารถดูรีวิวและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทัวร์ของเราได้ที่ Folkcharm Travel <<