Living like a Local: Spring in Japan 2021
ได้ข่าวมาว่าประเทศที่ญี่ปุ่นประกาศงดชาวต่าวชาติจากไทยเข้าประเทศ คงทำให้หลายคนคิดถึงการท่องเที่ยวมาที่นี่ไม่เบา ลูกแก้วเลยเกิดไอเดีย อยากเก็บภาพบรรยากาศการใช้ชิวิตที่นี่ในช่วงเวลาปลายฤดูใบไม้ผลิมาให้ชมกัน
เราเดินทางมาตอนปลายเดือนเมษายน 2564 เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวที่นี่ หลังจากไม่ได้พบหน้ากันตั้งแต่ต้นปี 2563 การเดินทางไม่ยากกว่าที่คิด จุกจิกหน่อยตรงที่ต้องให้ทางนี้แจ้งขอ Certificate of Eligibility ออกโดยกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น ส่งมาเพื่อประกอบการขอวีซ่า หากไม่มี CoE ที่สถานทูตจะไม่รับเรื่องเลย วีซ่ารอนานกว่าปรกตินิดหน่อย ก่อนเดินทางก็ไปตรวจ Fit to Fly และขึ้นเครื่องก็ปรกติ พอลงเครื่องมาก็ทำตามขั้นตอน ญี่ปุ่นเป้ะอยู่แล้ว Flow ดีมาก ไม่มีงงเลย คล้ายเล่น Rally เก็บแต้มตาม Checklist โดยจะมีเจ้าหน้าที่สอนให้ลง Application ที่จำเป็นในการติดตาม เพราะที่นี่ให้กลับมา Home Quarantine ที่บ้าน 14 วันต้องเช็คว่าเปิด GPS และ Bluetooth ตลอดเวลารึยัง และตรวจ PCR รอผล แล้วค่อยผ่าน ตม. รวมประมาณ 2 ชั่วโมง กลับมาบ้านแล้วต้องรายงานสุขภาพทุกวัน และจะมี App ชื่อ Overseas Entrants Locator ที่จะขึ้นเตือนแบบสุ่มเวลา เพื่อให้เข้าไปกด Check-in และอาจมี จนท.โทรสุ่มระหว่างวัน
… อพาร์ทเม้นต์เราอยู่ในย่าน Residence ใน Yokohama เมืองติดโตเกียวใน Kanagawa ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีจำนวนคนติด COVID-19 เพียงสองสามร้อยคน เลยไม่น่ากลัวมาก เรามาในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิพอดี อากาศอยู่ที่ประมาณ 15 – 25 องศาเซลเซียส ฟ้าใส ลมเย็น ในช่วง Home Quarantine เลยเปิดหน้าต่างรับแสงแดดและปล่อยให้ลมโกรก อากาศดีมากๆ แม้นึกแอบเสียดายนิดๆที่ไม่ทันซากุระ เพราะรอวีซ่านานไปหน่อย 2 สัปดาห์ผ่านไป ไม่เห็นมีใครโทรหาเลย
เราตั้งใจมาอยู่ที่นี่ 2 – 3 เดือน เลยว่าจะเล่าการเป็นอยู่ที่นี่โดยแยกเป็นตอนสั้นๆ ตามสถานที่ที่ได้ไป อาจไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนไกล แต่ก็หวังว่าจะเก็บภาพมาฝากเพื่อให้ได้หายคิดถึงญี่ปุ่นกันบ้าง
Nasu Machi ◇ Mt. Chausu ◇ Motosumiyoshi (coming soon)
那須町 Nasu-machi, Tochigi Prefecture
พอออกจาก Home Quarantine ครอบครัวสามีก็ชวนไปเที่ยว นาสึ เมืองท่องเที่ยวเล็กๆในจังหวัดโตชิกิ เหตุหลักเพราะเป็นจังหวัดที่มีจำนวนคนติดโควิตน้อยมากๆ ประมาณ 20-30 คน เทียบกับหลักพันในเมืองใหญ่ๆ และมีรีสอร์ทที่ท่านเคยไปพักแล้วชอบจึงอยากพาเราไป …คงสงสารที่ต้องอยู่ในอพาร์ทเม้นต์ 14 วันเต็ม
เราต้องเดินทางจากอพาร์มเม้นต์ที่ Yokohama กลับบ้านที่เมืองมิโตะ จังหวัดอิบารากิ ปรกติพวกเราจะจะนั่งรถไฟกลับบ้าน แต่เรากลัวที่จะต้องผ่านสถานีใหญ่ๆในโตเกียว จึงตัดสินใจ Road Trip โดยใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง พวกเราพักที่ Service Area แถวๆโมริยะ กลางทางพอดีเพื่อทานข้าวก่อนออกเดินทางต่อ อยู่บนทางหลวงได้วิวท้องนาสุดลูกหูลูกตา ต้นข้าวอ่อนเริ่มโต เพราะที่นี่จะเริ่มปลูกข้าวในฤดูใบไม้ผลิ รู้สึกถึงความอิสระ หลังจากที่ต้องอุดอู้อยู่ในอพาร์ทเม้นต์มาครึ่งเดือน
หลังจากพักผ่อนที่บ้านสักพักก็ชวนกันไปทานอาหารนอกบ้าน เย็นวันนั้นเป็นวันที่เราได้ไปร้านอาหารครั้งแรกตั้งแต่มาถึง โดยออกไปนอกเเมืองหน่อยเพื่อไปทานที่ร้านอาหารทะเลที่มีชื่อเสียงในละแวกนั้น ร้านชื่อว่าทาคิโมโตะ 滝元 แม้จะเป็นร้านที่ Local มากๆ ก็ยังมีเครื่อง scan หน้าเพื่อวัดอุณหภูมิและขอให้ทุกคุณฉีดแอลกอฮอล์ก่อนเข้าร้าน ที่นี่ Last Order หนึ่งทุ่มตรงเพื่อปิดร้านตอนสองทุ่ม และไม่จำหน่ายแอลกอฮอล์ แม้รัฐฯไม่ได้ออกกกฏเป็นข้อบังคับ แต่ที่นี่ก็ทำตามกันเกือบทุกร้าน การที่ไม่สามารถขายแอลกอฮอล์ได้ทำให้ร้านอาหารที่นี่โดนกระทบไม่น้อยเลย… นำภาพมาฝาก อาหารญี่ปุ่น authentic มื้อแรกในรอบปีกว่า ฟินมากค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศดีมาก พวกเราจึงตื่นเช้ามาวิ่ง และออกเดินทางช่วงสายๆ คุณพ่อคุณแม่นัดหมายกันใส่โฟล์คชาร์ม เป็นชุดที่ท่านซื้อไปเมื่อสองสามปีก่อน ฟ้าใสแดดสวย จึงขอเก็บภาพหน้าบ้านก่อนเดินทาง คุณพ่อคุณแม่จะอุดหนุนเราทุกปี เพื่อที่จะได้มีเสื้อผ้าใหม่ใส่ในช่วง Spring & Summer ที่คุณแม่บอกว่าผ้าเราเหมาะมากสำหรับการใส่ในช่วงนี้ …รู้สึกมีความ เป็น Fashion Brand ที่มี Seasonal Collection ขึ้นมาเลย
การเดินทางจากมิโตะไปนาสึใช้เวลาประมาน 2.5 ชั่วโมง วิวข้างทางเป็นถนนที่ไม่ใช่เส้นหลัก มีทั้งบ้านเรือนและทุ่งนา เราเมารถจึงชิงหลับๆตื่นๆ พอตื่นมาอีกครั้งตอนที่คุณแม่บอกว่าเริ่มเข้าเขตนาสึแล้ว
นาสึเป็นเมืองที่มีบ้านตากอากาศหน้าร้อนของจัดกรพรรดิญี่ปุ่น (Imperial Villa) รายล้อมด้วย Mount Nasu ที่มีภูเขาไฟที่ยัง active อยู่ จึงมีบ่อน้ำพุร้อนและ Onsen อีกทั้งยังมีอุณหภูมิต่ำกว่าโตเกียวในช่วงฤดูร้อน จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่นิยมของชาวญี่ปุ่นเอง พอเข้าเขตจะได้ความรู้สึกคล้ายปากช่องบ้านเรา ทางล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ขึ้นเข้า มีร้านเก๋ๆ และจุดท่องเที่ยวตลอดทาง เป็นที่นิยมสำหรับชาวญี่ปุ่นที่มักหนีความร้อนในหน้าร้อนมาพัก คิดถึงเชียงคานบ้านเราที่ทั้ง Seven Eleven, Family Mart และ Supermarket ต้องออกแบบใหม่ให้เป็นสีน้ำตาล เพื่อไม่ให้ทำลายทิวทัศน์ของเมืองนี้ ที่น่าสนใจคือป้ายบอกทางตามถนนและเมนูร้านอาหารที่นี่ ที่ไม่มีภาษาอังกฤษเลย
เราถึงนาสึประมาณเที่ยงๆ แวะร้านอาหารอิตาลี Borage รีวิวดีมากในย่านนี้ ใช้ชีสจากโคนมที่เลี้ยงในเมือง ทำแป้งและเส้นพาสต้าเอง พิซซ่าบางกรอบ ชีสหอม ปรุงได้อร่อยมากสมชื่อจริงๆ หลังจากนั้นเราก็ฆ่าเวลาโดยการไปเดิน Asia Old Bazaar ที่จำลองเมืองต่างๆในเอเซีย เช่น Bangkok, Ubud, Delhi มีร้านขายของนักท่องเที่ยว พวกเราเดินกันเร็วมาก เพราะของที่ขายและบรรยากาศ คล้ายถนนข้าวสารบ้านเรา เลยไม่ได้เก็บภาพดีๆมาเลย
เราเข้าพักที่โรงแรม Epinard Nasu Hotel เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่มี Outdoor Onsen และยังยังมีชื่อในการจัดงานแต่งงานและประชุมสัมนา โรงแรมปรับตัวเก่งมากในช่วงนี้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในประเทศโดยร่วมโครงการของรัฐ “Go to Travel Campaign” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ คล้ายๆกับ #เราเที่ยวด้วยกัน ของประเทศไทย เราเข้าพักวันจันทร์เป็นจำนวน 2 คืน ตกใจเล็กน้อยที่มีผู้เข้าพักที่มาเป็นครอบครัวจำนวนมาก ทั้งๆที่สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ถัดจาก Golden Week (วันหยุดยาวเสมือนสงกรานต์บ้านเรา) คงคิดเหมือนพวกเราว่าน่าจะปลอดภัยเพราะมีผู้ติดน้อย และน่าจะคนไม่เยอะ …ปรากฏว่าคนใจตรงกันเยอะเลย
การมาตากอากาศของครอบครัวที่นี่จะใช้เวลาในโรงแรมนานหน่อย เพื่อ enjoy การแช่ออนเซ็น เดินเล่นในบริเวณโรงแรมที่มีสวนขนาดใหญ่เป็นธีมๆหลายจุด คุณพ่อและคุณแแม่แช่ออนเซ็นทั้งเช้าเย็นเลย ส่วนตัวเราสาวไทย ไม่ค่อยสะดวกเปลือยกายแช่น้ำแร่ร่วมกับผู้อื่น เลยอาบ Shower Head ในห้องพักโรงแรมตามสภาพ
แดดช่วงเย็นสวยจึงชวนคุณพ่อคุณแม่ถ่ายภาพสักชุด เป็นคอลเลคชั่นใหม่ที่แกสั่งใว้ตอนเราเดินทางมา ภาพสวยแสงสวย ได้ความรู้สึกเสมือน Pre-wedding มาก ไอ้เราก็เลยสนุกกระตุ้นให้ทำท่าโน้นท่านี้ จากคุณพ่อแข็งๆ จนได้ภาพที่ทั้งโอบทั้งจูงมือ
พอเย็นหน่อยพวกเราเองก็เดินเล่นในป่าย่อมๆในบริเวณโรงแรม วันนี้เราจับอาากิระใส่เสื้อเชิ้ตที่ใช้ผ้าลายเดียวกันกับชุดที่เราใส่ ต้องขอร้องอยู่นาน ปรกติเค้าจะเขินที่ต้องใส่เสื้อคู่อากาศเริ่มเย็น และในที่สุด ฝนก็เริ่มตก เราจึงรีบเก็บของกลับห้องพักกัน
茶臼岳, 那須岳, Chausu-dake
วันที่สองในนาสึ เราขึ้นเขา Chausu-dake เป็น active volcano และภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขานาสึ มันคือจุดที่สูงที่สุดหากมองจากหน้าต่างโรงแรม เทือกเขาที่นี่สวยและแปลกตาตรงที่เราจะรู้สึกว่าเราถ่ายรูปเบี้ยวทุกครั้ง เพราะทางจากโรงแรมไปภูเขาคล้ายๆ slanted slope ที่ค่อยๆสูงขึ้นเรื่อยๆ นำภาพฟ้าใสและช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกมาฝากกัน
การเดินทางขึ้น Chausu-dake จากโรงแรมใช้เวลาประมาณ 20 นาที ระดับความชันพอๆกับการขับรถขึ้นภูหลวงจากหล่มเก่า ทางที่เราใช้ประจำเวลาไปหาแม่ๆที่ จ.เลย ข้างทางมีจุดท่องเที่ยว บ่อน้ำพุร้อน และมีกลิ่น Sulphur จากภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ตลอดทาง สุดทางถนนจะมี Ropeway นั่งขึ้นไปถึงยอดเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,915 เมตร ข้างบนนี้อากาศลดลงจนเกือบ 0°C ลมแรง ฟ้าไม่เปิดเลย แต่บรรยากาศดีมาก เป็นเทือกเขาสุดลูกหูลูกตา เห็นควันบ่อน่ำพุร้อนเป็นระยะ ยังพอเห็นหิมะอยู่บ้างตามโขดหิน เงียบสงัด แทบไม่ค่อยมีคน ครั้งแรกในรอบปีกว่าที่เราระลึกถึงหน้าหนาว ความเย็นยะเยือกที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
พวกเราก็ปีนป่ายอยู่พักใหญ่ อยากเห็นว่าอะไรอยู่อีกฟากของภูเขา แต่พอถึงจุดสูงสุด ก็จะเป็นทางเดินที่ยาวต่อไปสุดลูกหูลูกตา รู้สึกได้เลยว่าวันต่อไปปวดขาแน่นอน ดีที่เราชงชาเขียวร้อนมาจากโรงแรม ช่วยทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นบ้าง
เราทั้งสองคนใส่เสื้อที่เราใส่กันมาเกือบ 4 ปีแล้ว คือเสื้อ OXFORD COLLAR LONG SLEEVE และ COMFORT BLOUSE เราใส่คู่กับกางเกง SLACKS และ CULOTTE ย้อมมะเกลือ สารภาพว่าชุดที่พวกเราใส่ไม่ได้กันหนาวได้ขนาดนั้นเลย ด้านในคือยังมีเสื้ออีก 2 ชั้น เพราะเราจัดกระเป๋ากันโดยไม่รู้มาก่อนว่าจะหนาวขนาดนี้ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ พอถ่ายรูปสวยๆเสร็จเราก็รีบใส่ Down Jacket ที่ขอยืมครอบครัวมาจากมิโตะ
ก่อนลงเขาก็แวะทานดังโหงะปิ้งใหม่ๆ ลูกใหญ่มาก ร้อนๆ หอมอร่อย ที่รอคุณลุงปิ้งอยู่สิบนามีแม้ไม่มีคิวเลย ถ่ายรูปแทบไม่ทัน สุดท้ายฝากรูปสามีที่ยังต้องประชุมแม้อยู่บนยอดเขา Work from Anywhere ได้จริงๆ
… To be continued ….
#ผลิตภัณฑ์ชุมชน #งานฝีมือ #งานแฮนด์เมด #ผลิตภัณฑ์ชุมชน #sustainablefashion #SlowFashion #ThaiCotton #Organiccotton #EthicalFashion #TraceableFashion #TransparentFashion #ThaiFashion #ThaiTextile #Handwoven #Naturaldye #Handmade #handicraft #Handspinning #Ethicalfashion #Fairtrade #ThaiProduct #CommunityProduct #Thaifairtrade #Womenempowerment #handwovencotton